โครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก แม้คอนกรีตจะมีความแข็งแรงและมีความคงทนถาวรสูง แต่ย่อมเสื่อมสภาพตามคุณสมบัติของวัตถุ มาตรฐานการออกแบบและสภาพการใช้งาน ซึ่งประวัติการใช้งาน การบำรุงรักษาและการซ่อมแซมมีความสำคัญในการยืดอายุการใช้งาน เมื่อโครงสร้างเสื่อมสภาพถึงขั้นวิบัติ จึงจำเป็นที่จะต้องหาสาเหตุและแนวทางการซ่อมแซมให้เกิดความปลอดภัยในการใช้งาน
การประเมินโครงสร้างจะต้องพิจารณาถึงกำลังของโครงสร้างและการให้บริการ
การออกแบบและการซ่อมแซมจะทำได้ดีเมื่อหยุดสาเหตุการวิบัติได้และเน้นคุณสมบัติวัสดุ วิธีการซ่อมและสมรรถนะของโครงสร้างที่รองรับการใช้งานได้ตามกำหนด
1. การฉีดอัด (Injection) สำหรับรอยแตกร้าวขนาดเล็ก
2. การเกราท์ (Grouting) สำหรับรอยแตกแยกที่มีขนาดกว้างกว่าการแตกร้าว
3. การฉาบปะ (Patching) สำหรับรอยแตกร่อนบางส่วน ฉาบปะได้จากภายนอก
4. การเท (Placing) สำหรับรอยแตกร่อนหรือเหล็กเดิมเป็นสนิม ต้องเทแทนด้วย
คอนกรีตใหม่หรือหรือวัสดุใหม่โดยสิ้นเชิง
5. การซ่อมแซมวิธีอื่น ๆ
ผนังร้าว คานร้าว เสาระเบิด ซ่อมแซมโครงสร้าง ซ่อมรอยแตกร้าว พื้นร้าว เหล็กเสริมภายในเป็นสนิม
ตอม่อคอนกรีตแตกหลุด น้ำรั่วซึมตามรอยแตกร้าวของโครงสร้าง คอนกรีตเพดานหลุดร่อนจนเห็นเหล็กเสริม
ติดต่อบริษัท สยาม เรมีดี จำกัด 02-691-8454-55 , 086-459-0533 ID LINE : siamgroup
วัสดุสำหรับการฉีดในงานคอนกรีตเสริมเหล็กนั้นจะนิยมใช้ประเภทที่สามารถประสานรอยแตกร้าวได้และมีกำลังสูงพอเพียงในการรับแรงได้ รายงานนี้จะเสนอเฉพาะการฉีดด้วยอีป๊อกซี่ (Epoxy Injection) ซึ่งผลิตตาม ASTM D-1763 ประกอบด้วยสารเคมี 2 ส่วนคือยางอีป๊อกซี่ (Epoxy Resin) และส่วนผสมแข็ง (Hardener) สารเคมีสองตัวจะผสมที่หัวฉีด แล้วฉีดเข้าสู่
รอยแตกร้าวด้วยความดันสูงที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในรอยแตกร้าวเล็ก ๆ ได้
เมื่อขนาดรอยแตกร้าวกว้างพอที่จะให้ของเหลวเข้าอุดระหว่างซอกได้ จึงเหมาะที่จะใช้วัสดุสำหรับการเกราท์ในการซ่อมแซม โดยทั่วไปวัสดุการเกราท์พื้นฐานเป็นซีเมนต์ แต่เมื่อต้องการคุณสมบัติเพื่อเพิ่มกำลังให้สูงขึ้นและลดการหดตัว จะต้องเติมสารผสมเพิ่ม เช่น ผงโลหะ ผงทรายละเอียด ใยหิน ไฟเบอร์หรือซีเมนต์ขยายตัว ในส่วนผสมเพื่อเสริมให้การยึดเกาะระหว่างอนุภาคสูงขึ้น จะนำไปสู่การเพิ่มกำลังโดยอัตโนมัติ การลดปริมาณน้ำในส่วนผสมจะลดการหดตัวของวัสดุลงได้ อีกทั้งถ้าต้องการเพิ่มความไหลลื่นในการเกราท์ อาจจะใช้สารเคมีผสมเพิ่มช่วยอีกทางหนึ่ง เช่น สารลดน้ำหรือสารลดน้ำพิเศษ เป็นต้น
วัสดุสำหรับการเกราท์ ในท้องตลาดมีมากมายหลายอย่างตามสภาพการใช้งานเครื่องมือที่ใช้ รวมไปถึงปริมาณการใช้ การทดสอบคุณสมบัติพื้นฐานกำลังอัด กำลังดัด โมดูลัสยืดหยุ่น สัมประสิทธิ์การขยายตัวและการหดตัว การทดสอบคุณสมบัติการเชื่อมประสานกับคอนกรีตด้วยการทดสอยกำลังดัดและกำลังเฉือนอัดในลักษณะคล้ายกับข้อที่ 1.
การซ่อมโครงสร้างที่หลุดร่อนหรือรอยแยกขนาดใหญ่ มีวัสดุสำหรับการฉาบปะมีอยู่ 3 กลุ่มหลัก คือกลุ่มที่มีซีเมนต์เป็นพื้นจะใช้มวลผสมที่ควบคุมขนาดคละอย่างดี กลุ่มอีป๊อกซี่ (Epoxy)
มียางอีป๊อกซี่เป็นตัวเชื่อมประสาน แต่มีทรายหรือมวลผสมเป็นส่วนรับน้ำหนักและกลุ่มสารโพลิเมอร์ (Polymer) ซึ่งมีโมโนเมอร์ (Monomer) เป็นวัสดุหลักเติมด้วยสารแตกอนู (Catalyst)
ให้แปรสภาพเป็นโมเลกุลใหญ่กลายเป็นพลาสติกยึดประสานมวลรวมหรือทรายให้เกาะกัน
ในกรณีของแผลใหญ่ที่สามารถเทเข้าที่ได้โดยง่ายด้วยวัสดุซ่อม จึงเป็นเรื่องง่ายและประหยัดที่จะใช้วัสดุในทำนองเดียวกับคอนกรีต แต่จะต้องมีคุณสมบัติพิเศษคือ จะต้องไม่เปลี่ยนรูปร่างหรือขนาดไปมากหลังจากการเทในระหว่างการก่อตัวและการบ่ม วัสดุที่ใช้จะมีซีเมนต์ ลาเท็กซ์และโพลิเมอร์เป็นหลัก วัสดุทั้ง 4 ประเภท จะประกอบด้วยมวลรวมและสารยึดเกาะ ซึ่งจะเป็นน้ำปูน อีป๊อกซี่ ลาเท็กซ์และโพลิเมอร์ตามลำดับ มวลรวมจะต้องมีขนาดคละที่ดี เพื่อให้ได้กำลังสูงและมีความสามารถเทได้สูงรวมทั้งลดการหดตัว ส่วนการยึอเกาะจะต้องมีความสามารถในการยึดเกาะระหว่างมวลได้ดีให้กำลังสูงและมีการยืดหดตัวน้อยมาก
การซ่อมโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็กเป็นเทคโนโลยีระดับสูง ที่ต้องเข้าใจและรู้พิกัดต่าง ๆ ของพฤติกรรมทางโครงสร้างอย่างชัดเจน จึงจะสามารถเลือกวัสดุพื้นฐานที่เหมาะสมได้
อีกทั้งจะต้องตรวจสอบหาสัดส่วนที่พอเหมาะ ให้ได้คุณสมบัติหลักที่สอดคล้องกับพฤติกรรมตามต้องการและจะต้องสอดคล้องกับเทคนิคหรือกรรมวิธีที่จะใช้อีกด้วย
เทคโนโลยีเหล่านี้ที่จริงแล้วไม่ได้เป็นของใหม่หากแต่จะต้องนำมาประยุกต์เพียงให้ถูกที่และถูกสถานการณ์เท่านั้น